Audio/อัน-ซาบูร์
 
 
 
 
 
 
     
 

ความเป็นมาของคัมภีร์ เตารอต และ อินญีล

            อัลเลาะห์ได้ทรงประทานโองการ ต่างๆให้นบีมูซา เขียนเป็นคัมภีร์ เตารอต สำหรับอุมมะห์ของท่านมูซาคือชาวยิวในเวลานั้น  ชาวยิวได้ใช้คัมภีร์เตารอต เป็น หลักในการดำเนินชีวิต ซึ่งในช่วงนั้น คัมภีร์ เตารอตที่ถูกเขียนเล่มแรกนั้น ได้ถูกเขียนเป็นภาษาของชาวยิว คือ ภาษา ฮิบรู  เพราะว่า นบี มูซาเป็นชาวยิว และอุมมะห์ของนบีมูซา ก็เป็นชาวยิวด้วย ตอนนั้นยังไม่มีคำว่าอิสลาม หรือ มุสลิม เพราะนบีมูฮำหมัดยังไม่เกิด  อัลเลาะห์ได้ทรงสื่อสาร กับนบี มูซา และท่านนบีท่านอื่นๆโดยใช้ภาษา ฮิบรู ล้วนๆ

   1500-400 BC ( BC = ก่อน นบีอีซาเกิด)   อัลเลาะห์ยังคงประทานโองการต่างๆ ให้นบีทั้งหลาย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโองการในคัมภีร์เตารอตและหลังจาก คัมภีร์เตารอต    คือ คัมภีร์ ซะบูร ได้ถูกเขียนขึ้นโดยนบีดาวูด ท่านนบีดาวูดได้เขียนคัมภีร์ซะบูรในลักษณะที่เป็นกลอน การสื่อสารระหว่างอัลเลาะห์ กับ บรรดานบีต่างๆ ที่รับโองการ ในการบันทึก ทั้ง คัมภีร์เตารอตและ ซะบรู นั้น ยังใช้ ภาษา ฮิบรู

   250-100 BC   คัมภีร์เตารอตและซะบูร  ได้ถูกแปลเป็นภาษากรีก

   Bc 30 AD ( AD = หลัง นบีอีซาเกิด)   ท่านนบีอีซาเกิด ท่านอีซาก็เป็นชาวยิว เช่นเดียวกับนบีท่านก่อนๆ ท่านอีซาได้ทรงทำตามคำบัญชา ของอัลเลาะห์ทุกอย่างจนสำเร็จ  หลังจากนั้นอัลเลาะทรงรับท่านอีซาขึ้นสู่สรววค์ทั้งเป็น และท่านอีซาจะลงมาอีกในวันกิยามะห์

   AD 45 -100   ทั้งจากอัลเลาะทรงรับท่านอีซาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว บรรดา ซอฮาบะห์ของอีซา ก็ทำการเผยแผ่ คํมภีร์อินญีล ซึ่งเป็น คำสอนของท่านอีซา บรรดาซอฮาบะห์ ของท่านอีซาเกือบทั้งหมด ถูกฆ่าตายจาก ผู้ที่ ไม่ศรัทธาในอัลเลาะห์  ซึ่งบรรดาซอฮาบะห์ของท่านอีซานั้นตายในความศรัทธาในอัลเลาะอย่างแท้จริง  ถึงแม้ว่าบรรดาซอฮาบะห์ของท่านอีซา จะถูกผู้ที่ไม่ศรัทธาในอัลเลาะห์ กลั่นแกล้ง และ ฆ่า อย่างโหดร้ายเพียงใดนั้น  ท่านอีซาได้สอน       บรรดาซอฮาบะห์ ของท่านว่า “ จงรักและให้อภัยศตรูของเจ้า” นี่คือ สิ่งที่อยู่ในคัมภีร์ อินญีล โดยที่มาจากอัลเลาะห์   บรรดาซอฮาบะห์ของท่านอีซานั้น ถูกเรียก จากผู้ที่ต่อต้านซอฮาบะห์ของท่านอีซาว่า “คริสเตียน”

   AD  100-200( AD = หลังท่านอีซาเกิด) คำสอนของท่านอีซา ขยาย ไปจนถึง อังกฤษ

   AD 100-500 บรรดาซอฮาบะห์ของท่านอีซา ได้ทำการเผยแผ่คำสอนของท่านอีซา ได้อย่างกว้างขว้าง อย่างน่าอัศจรรย์ โดยไม่ได้ใช้อาวุธ หรือ กองทหารที่แข็งแรง  บรรดาซอฮาบะห์เผยแผ่คำสอนของท่านอีซาโดยใช้ ความรัก  และความ เอื้ออาทร เท่านั้น    เริ่มจากกรุงเยลูซาเล็ม ไปยังหลายประเทศบริเวณนั้น และไกลจนถึง อินเดียและจีน  ผู้คนจำนวนมากจากหลายชาติ ต้องการที่จะเป็นผู้ที่ติดตามท่านอีซา  คัมภีร์อินญีล จึงถูกแปลเป็น ภาษาต่างๆหลายภาษา  ช่วงเวลานี้ยังไม่มี  อิสลาม หรือมุสลิม เพราะ มูฮำหมัดยังไม่เกิด

   AD  600   ช่วงเวลานี้สำคัญมากสำหรับพี่น้องชาวมุสลิม เพราะท่านมูฮำหมัดเกิด ในช่วงเวลานี้ หลังจากที่ท่านมูฮำหมัดเกิดนั้น คัมภีร์ อินญีล และ คำสอนของท่านอีซานั้น กระจายอยู่อย่างกว้างขว้าง ทั่วดินแดนอาหรับแล้ว  ท่านมูฮำหมัดเกิดในตระกูลของชาวอาหรับ  ท่านเป็นคนอาหรับและใช้ภาษาอาหรับ  ชาวอาหรับจะเรียกผู้ที่ศรัทธาในคัมภีร์ อินญิลว่า ชาวคัมภีร์ ท่านมูฮำหมัดเติบโตและทำการค้าจนท่าน อายุ40 ปี ท่านเริ่มเผยแผ่ศาสนา อิสลาม ท่าน อ้าง ถึงคัมภีร์เตารอตและอินญีลด้วย  ท่านสอนชาวมุสลิม ว่า ต้องศรัทธา ในคัมภีร์ เตารอตและอินญีลด้วย 

  AD  600 – 2005  หลังจากท่าน นบีมูฮาหมัดได้เสียชีวิต ซอฮาบะห์ของท่านนบีมูฮำหมัด ได้รวบรวม อัลกรุอาน ให้เป็นเล่ม ซอฮาบะห์ ได้เริ่มรวบรวมอัลกุรอ่านให้เป็นเล่ม หลังจากท่านนบีเสียชีวิตไปแล้ว  200 ปี  เวลาต่อมา บางสิ่งบางอย่างในกรุอานนั้นไม่สอดคล้องกับ เตารอตและอินญีล  ก็มีนักศาสนามุสลิม พยายามบอกว่า ทั้งคัมภีร์ เตารอตและอินญีลนั้นถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข   ซึ่งพวกเขาไม่ยอมบอกว่า เตารอตและอินญีล  ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขตอนไหน  เพราะท่านนบีมูฮำหมัด เป็นผู้รับรองด้วยตัวท่านเองในสมัยของท่าน ว่า ให้มุสลิมศรัทธา ใน เตารอตและอินญีล

   อัลเลาะได้ทรงประทาน คัมภีร์เตารอต และ อินญีล นั้น  คัมภีร์เตารอตและอินญีลนั้นถูกเขียนด้วยมือ  เมื่อ เตารอต และ อินญีลที่เขียนเสร็จแล้ว เตารอตและ อินญีลได้ถูก คัดลอก เป็นจำนวนมาก และเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการคัดลอก ผู้คัดลอกใช้วิธีนับจำนวนตัวอักษร  ว่า  ทุกฉบับที่ถูกคัดลอกจะต้อง มีตัวอักษร จำนวนเท่ากันทุกฉบับ ฉะนั้น จึงมั่นใจได้ว่า คัมภีร์ ของอัลเลาะห์นั้น ถูก ดูแลอย่างดี จากผู้ศรัทธาใน อัลเลาะห์  และได้ถูกกระจาย ไปตามชุมชนต่างๆอย่างแพ่รหลาย ก่อนยุค ของท่านนบีมูฮำหมัด 

   วัสดุที่เป็น คัมภีร์เตารอตและอินญีลในเวลานั้นทำมาจาก ต้นกก ( Papyrus)  ซึ่งเป็นกระดาษที่คุณภาพต่ำ เมื่อถูกใช้งานมากๆ จากการถูกอ่านและการถูกเปิดปิดบ่อยๆ  ทำให้คัมภีร์เกิดการชำรุดได้ง่าย  ด้วยเหตุนี้  คัมภีร์ จึงถูกคัดลอกซ้ำๆ เป็นจำนวนมาก เพราะช่วงเวลานั้นยังไม่มีเครื่องพิมพ์ คัมภีร์ จึงต้องถูกเขียนด้วยมือ

   เมื่อถึงช่วงศตวรรษ ที่ 4 ( 4 AD) หรือ  400 ปี ก่อนท่านนบีมูฮำหมัดเกิด  วัสดุที่ดีกว่าต้นกก ( Papyrus)  ถูกค้นพบ เรียกว่า กระดาษ หนัง ซึ่ง ทำมาจากหนังแกะและถูกเย็บต่อกันมีลักษณะเป็นม้วน  ซึ่งม้วน คัมภีร์ ที่ทำมาจากหนังนั้นราคาแพง แต่มีส่วนดีตรงที่ คัมภีร์ที่ทำจากแผ่นหนังมี่ความคงทนได้ดี จากนั้นการคัดลอก คัมภีร์ โดยใช้หนังสัตว์ จึงค่อยๆเกิดขึ้นเป็นที่นิยม  และไม่ใช่การคัดลอกซ้ำๆเท่านั้น แต่ทุกฉบับที่คัดลอกจะต้องมีการ นับทุกๆตัวอักษร ที่ต้องเท่ากันเพื่อไม่ให้ เกิดความผิดพลาดในการคัดลอก จนถึงช่วงเวลาที่ท่าน นบี มูฮำหมัด กำเนิดขึ้น ซึ่งช่วงเวลานั้นคือ ศตวรรษที่ 6  ( 6 AD ) หรือ 600 ปี หลังจาก ท่าน อีซา  ท่านนบี มูฮำหมัด ก็ ได้ยืนว่า เตารอตและอินญีล นั้น มาจาก อัลเลาะห์ และมุสลิมทุกคน ต้องศรัทธาในคัมภีร์ทั้งสอง

ด้วยการยืนยันจาก อัล กรุอ่าน ดังนี้

          อาละอิมรอน อายะห์ ที่ 4

  
   และพวกเจ้าจงศรัทธาต่อสิ่งที่ข้าได้ให้ลงมาเพื่อยืนยันสิ่งทีมีอยู่กับพวกเจ้า และพวกเจ้าจงอย่าเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งนั้นเป็นคนแรก และจงอย่าได้นำโองการของข้าไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย และเฉาะข้าเท่านั้น พวกเจ้าจงยำเกรงฯ

และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่เขาเหล่านั้นว่า จงศรัทธาต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า เรากำลังศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เราอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นคือ ความจริงโดยยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า เพราะเหตุใด เมื่อก่อนโน้นพวกท่านจึงฆ่านะบีของอัลลอฮ์ ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

            อัล บะกอเราะฮ์  อายะห์ที่ 101


และเมื่อได้มีร่อซูลคนใด ณ ที่อัลลอฮฺ มายังพวกเขา ซึ่งจะเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา  กลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ ก็เหวี่ยงคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้เบื้องหลังของพวกเขาเสีย  เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้  

อัลอะฮ์ ก็อฟ  อายะที่ 12


และก่อนหน้านี้ (อัลกุรอาน) มีคัมภีร์ของมูซาเป็นแบบอย่างและความเมตตา และนี่อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่ยืนยันเป็นภาษาอาหรับเพื่อตักเตือนบรรดาผู้กระทำความผิด และเป็นข่าวดีสำหรับผู้กระทำความดี

อัล อันอาม อายะที่ 92


นี้คือ คัมภีร์ ที่เราได้ให้ลงมาอันเป็นคัมภีร์ที่มีความจำเริญ ที่ยืนยันสิ่ง ซึ่งอยู่เยื้องหน้าคัมภีร์นี้และเพื่อที่เจ้าจะได้ตักเตือนแม่แห่งเมืองทั้งหลาย และผู้ที่อยู่รอบ ๆ แม่เมืองนั้น และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อปรโลกนั้น พวกเขาย่อมศรัทธาต่อคัมภีร์นี้ และขณะเดียวกันพวกเขาก็จะรักษาการละหมาดของพวกเขา

อัล มาอิดะฮ์  อายะที่ 48


และเราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยความจริงในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์(เบื้องหน้า) นั้น ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า สำหรับแต่ละประชาชาติในหมู่พวกเจ้านั้น เราได้ให้มีบทบัญญัติและแนวทางไว้ และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้วแน่นอนก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกันแล้ว แต่ทว่าเพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงแข่งขันกันในความดีทั้งหลายเถิด ยังอัลลอฮ์นั้นคือ การกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังขัดแย้งกันในสิ่งนั้น          

        หลักฐานจาก อัล กรุอ่าน ข้างต้นนั้น น่าจะเพียงพอถึงการยืนยันว่า เตารอตและอินญีล เป็น คัมภีร์ ที่มุสลิมต้องไปศึกษาด้วย ยังมีหลักฐานจาก อัล กรุอ่านอีก             

        อาละอิรอน อายะห์  ที่ 3

พระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์นั้น ลงมาแก่เจ้าเป็นครั้งคราว พร้อมด้วยความจริง เพื่อยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้าคัมภีร์นั้น และได้ทรงประทานอัตเตารอต และอัล-อินญีล  

         อัล มาอิดะฮ์ อายะที่ 44

            แท้จริงเราได้ให้อัต-เตารอตลงมา โดยที่ในนั้นมีข้อแนะนำและแสงสว่าง ซึ่งบรรดานบีที่สวามิภักดิ์ได้ใช้อัต-เตารอตตัดสินบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่รู้แล้วในอัลลอฮ์ และนักปราชญ์ทั้งหลายก็ได้ใช้อัต-เตารอต ตัดสินด้วย เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาไว้ (นั่นคือ) คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และพวกเขาก็เป็นพยานยืนยันในคัมภีร์นั้นด้วย ดังนั้นพวกเจ้า จงอย่ากลัวมนุษย์แต่จงกลัวข้าเถิด และจงอย่าแลกเปลี่ยนบรรดาโองการของข้ากับราคาอันเล็กน้อย และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธการศรัทธา            

           อัลมาอิดะฮ์ อายะห์ ที่ 46

     และเราได้ให้อีซาบุตรของมัรยัมตามหลังพวกเขามา ในฐานะผู้ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือ อัต-เตารอต และเราได้ให้อัล-อินญีลแก่เขา ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำและแสงสว่าง และเป็นที่ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามัน คืออัต-เตารอต และเป็นคำแนะนำ และคำตักเตือนแก่ผู้ยำเกรงทั้งหลาย  

           อัล เกาะศ็อศ อายะที่ 43

      และโดยแน่นอนเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาหลังจากที่เราได้ทำลายชนชาติในรุ่นก่อน ๆ เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ปวงมนุษย์และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นความเมตตา หวังว่าพวกเขาจะได้พิจารณาใคร่ครวญ

       อยากขอย้ำอีกว่า สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องเข้าใจว่า สิ่งที่ อัลเลาะห์ทรงลงโองการใน อัลกรุอ่านนั้น อัลเลาะห์ ทรงได้ลงโองการไว้ ใน เตารอตและ อินญีล อยู่ก่อนแล้ว (เตารอตและอินญีล มาก่อน อัลกรุอ่าน) ถ้าพี่น้องชาวมุสลิมเชื่อว่า อัลกรุอ่านเป็นสิ่งที่มาจากอัลเลาะห์  พี่น้องมุสลิมต้องเชื่อสิ่งที่ อัล กรุอ่านบอกกับพี่น้องด้วย ซึ่ง อัลกรุอ่านบอกเราชัดเจนดังนี้                    

          อาละอิมรอน อายะห์ ที่ 4

(ให้มี) มาก่อน ในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และได้ประทานอัล-ฟุรกอนมาด้วย แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์นั้น พวกเขาจะได้รับโทษอันรุนแรง และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงทำการลงโทษ  

            ฆอฟริ  อายะห์ ที่ 70

บรรดาผู้ปฏิเสธต่อคัมภีร์ และต่อสิ่งที่เราได้ส่งมาพร้อมกับรรดาร่อซูลของเราแล้วพวกเขาก็จะได้รู้  

 
Answering Islam Thailand, 1999 - 2006. All rights reserved.