อุปสสรรคในการรู้จักท่านอีซาสำหรับมุสลิม
- 3ข้อใหญ่ที่เป็นอุปสรรค
มุสลิมยอมรับไม่ได้ว่า
พระเจ้าทรงมีบุตรที่เท่าเทียมกันกับพระเจ้าในอำนาจและพระสิริ
ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ มุสลิมถูกสอนมาว่า พวกคริสเตียนเชื่อพระเจ้าแต่3องค์
เพราะฉะนั้นเมื่อคริสเตียนพยายามดึงมุสลิมให้รับเชื่อท่านอีซา(พระเยซูคริสต์)
เขาต้องเจอคำถามว่า “1+1+1=1
เป็นไปได้อย่างไร?” สิ่งที่คริสเตียนอธิบายก็เป็นสิ่งที่เข้าใจยากในความคิของพี่น้องดมุสลิม
พระเจ้าต้องเป็นหนึ่ง (เอกะ) ถ้าเราบอกเขาว่า พระเจ้าทรงเป็นเอกะ
แต่เป็น3สถานะนั้น (คือพระบิดา พระบุตร
และพระวิญญาณบริสุทธิ์) มุสลิมก็เข้าใจยาก เขาคิดว่า 3ก็ต้องเป็น3
แต่หนึ่งนั้นก็ต้องเป็นหนึ่ง
แต่ถ้าเราสังเกตพิจารณาอัลกุรอาน
ซึ่งเป็นคัมภีร์ของมุสลิม เราจะพบบางข้อที่พูดถึงความพิเศษของพระเยซู
ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง คือ
พระเยซูได้บังเกิดมาจากนางมัรยัม(นางมารีย์)โดยไม่มีพ่อ
ท่านบังเกิดมาโดยพระวาทะของพระเจ้าเท่านั้น
ตามคำยืนยันในพระคัมภีร์ท่านอีซา(พระเยซูคริสต์)ยังอยู่ก่อนนบีอิบรอฮีม(อับราฮัม)เกิดมาท่านอีซามาจากพระเจ้าโดยตรง
เพราะฉะนั้นท่านอีซาก็ถูกเรียกได้ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ท่านอีซากับพระเจ้าก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่พระองค์ก็ยอมรับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อจะช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอด
ในสมัยที่อิสลามยังไม่ได้เกิดมา
คริสตจักรแถบตะวันออกกลางกับนักวิชาการคริสเตียนได้คุยเรื่องนี้
แล้วตกลงว่า ท่านอีซา(พระเยซูคริสต์)ทรงเป็น “พระวาทะ” ซึ่งผู้ที่มาจากพระเจ้า
แล้วเนื่องจากพระคุณของพระเจ้าอัลกุรอานได้บันทึกเรื่องนี้ ในอัล-กุรอาน
ซูเราะฮฺ 3 ข้อ 45 บอกว่า
จงรำลึกถึงขณะที่มะลาอิกะฮ์(ทูตสวรรค์)กล่าวว่า
มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมานหนึ่งจากพระองค์
ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม
ในข้อนี้ “อัลมะซีห์ อีซา” พูดถึง
พระเยซู พระมะเซียห์ และ “พจมานจากพระองค์”
นั้น ภาษาอาหรับอ่านว่า “กะลิมะฮ์” ซึ่งหมายถึง ถ้อยคำของอัลลอฮฺ
แล้วในอัล-กุรอาน ซูเราะฮฺอีกข้อหนึ่ง (ซูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอฺ 21.91)
บอกว่า ท่านอีซาเป็นพระวิญญาณของพระเจ้า
ตามประวัติศาสตร์ของอิสลาม
นักวิชาการอิสลามเข้าใจว่า อีซา(พระเยซู)ถูกเรียก “ถ้อยคำของอัลลอฮฺ”และ“พระวิญญาณของพระเจ้า”นั้น
มีความหมายพิเศษ ซึ่ง อีซาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา
แต่ดำรงอยู่โดยไม่มีการเริ่มต้น ตอนนี้มุสลิมส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า “ถ้อยคำของอัลลอฮฺ” ไม่มีการเริ่มต้นและไม่มีการสิ้นสุด
ดังนั้นอัลกุรอานเรียกท่านอีซาว่า “ถ้อยคำของอัลลอฮฺ”
นั้น
เป็นโอกาสที่คริสเตียนจะแนะนำท่านอีซาซึ่งไม่เคยถูกสร้างมาและไม่มีการเริ่มต้น
ท่านอีซา คือ“ถ้อยคำของอัลลอฮฺ”ที่ยอมเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นเรากล่าวได้ว่า
อัลกุรอานยอมรับว่า ท่านอีซาเหนือกว่ามุฮัมหมัดตั้งแต่เกิด
อิสลามได้ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของท่านอีซาแต่อัลกุรอานยังมีหลายข้อที่ถือได้ว่า
ท่านอีซาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
ความเชื่ออีกข้อหนึ่ง
ซึ่งเป็นอุปสรรคในการรับเชื่อพี่น้องมุสลิม คือ การถูกตรึงบนไม้กางเขน
มุสลิมไม่สนใจเหตุผลทำไมท่านอีซาต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน
แต่ปฏิเสธว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิดขึ้นจริง
คำพยานอัลกุรอานในเรื่องนี้ไม่ชัดเจน มุสลิมบางคนเชื่อว่า
ท่านอีซาไม่ได้ถูกตรึงบนไม้กางเขน แต่คนอื่นถูกตรึงแทน
บางคนเชื่อว่าท่านอีซาได้ถูกตรึงแต่ยังไม่ตายและที่หลังฟื้นขึ้น
บางคนบอกว่า พระเจ้าคงไม่อนุญาตให้ท่านอีซาตายอย่างนั้น
การปฏิเสธไม้กางเขนมีอิทธิพลต่อความศรัทธามุสลิม ซึ่งมุสลิมปฏิเสธข้อสำคัญ
ๆ ในความเชื่อของคริสเตียน เช่น การไถ่บาป
การเป็นคนชอบธรรมและการได้รับความรอดโดยพระคุณพระเจ้า
การฟื้นขึ้นชีพของท่านอีซา การเสด็จมาครั้งที่สอง
การสถิตอยู่ด้วยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ การบังเกิดใหม่เป็นต้น
โดยความเชื่อที่ท่านอีซาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อจะไถ่ความผิดบาปของเรา
เราจะมีโอกาสจะได้รับความรอด
แต่มุฮัมหมัดได้ปฏิเสธข้อเหล่านี้ทั้งหมดด้วยการปฏิเสธไม้กางเขน
มุสลิมก็เลยไม่เข้าใจถึงความรอดโดยพระคุณพระเจ้าเลย
การขัดแย้งในเรื่องไม้กางเขนเกี่ยวข้องกับความเชื่อในพระคัมภีร์
เพราะคริสเตียนเชื่อว่า ท่านอีซาได้สิ้นชีวิตบนไม้กางเขน
เพราะว่าพระคัมภีร์ระบุไว้อย่างนั้น
แต่คำพยานเรื่องนี้ไม่ตรงกับหลักคำสอนในอัลกุรอาน
มุสลิมเชื่อมั่นว่าอัลกุรอานเป็นคัมภีร์สมบูรณ์
เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์ที่หลักคำสอนไม่ตรงกับอัล-กุรอานจึงยอมรับไม่ได้
ตามความคิดมุสลิมพระคัมภีร์คริสเตียนไม่สมบูรณ์
มุสลิมส่วนใหญ่คิดว่าพระคัมภีร์ไม่ใช่คัมภีร์ของพระเจ้าแท้แต่ถูกบีดเบือนโดยมือมนุษย์
มุสลิมถือว่า พระคัมภีร์ไม่ใช่ถ้อยคำของพระเจ้าที่สมบูรณ์ มุสลิมเชื่อว่า
อัลกุรอานเป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบ คำสอนใด ๆ
ที่ไม่สอดคล้องกับอัลกุรอานนั้นเป็นสิ่งที่ถูกบีดเบือนและยอมรับไม่ได้
แต่ถ้าเราพิจารณาคำสอนในอัลกุรอาน
อัลกุรอานมีท่าทีสองอย่างสำหรับพระคัมภีร์ดังต่อไปนี้: บางข้อปฏิเสธถึงหลักคำสอนในพระคัมภีร์
ดูเหมือนจะไม่ยอมรับพระคัมภีร์ที่เป็นคัมภีร์ของพระเจ้า
แต่อีกหลายข้อในอัลกุรอานยังยืนยันว่า
พระคัมภีร์เป็นคัมภีร์ที่มาจากอัลลอฮฺ หลาย ข้อในอัลกุรอานบอกว่า
คัมภีร์เตารอต (พระคัมภีร์เดิม) และคัมภีร์อินญีล (พระคัมภีร์ใหม่)
เป็นคัมภีร์ที่มาจากอัลลอฮฺ
บางข้อในอัล-กุรอานแนะนำว่า
ถ้ามุสลิมอ่านอัลกุรอานและพบข้อที่ไม่เข้าใจนั้น
คัมภีร์เตารอตและคัมภีร์อินญีลจะช่วยได้ในการหาทางที่ถูกต้อง
ข้อต่อไปนี้เป็นข้อหนึ่งในอัลกุรอานที่ยืนยันในเรื่องนี้
หากเจ้าอยู่ในการสงสัย
ในสิ่งที่เราได้ให้แก่เจ้า ก็จงถามบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ก่อนเจ้า(เตาร๊อด:พระคัมภีร์เดิม)โดยแน่นอนสัจธรรมได้มายังเจ้าจากพระเจ้าของเจ้า
ดังนั้นเจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
(ซูเราะฮฺ 10.94)
อัลกุรอานไม่ได้เห็นด้วยว่า
ท่านอีซาเป็นพระเจ้าและท่านสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
แต่อัลกุรอานยังยื่นยันหลายเรื่องที่คริสเตียนเราเชื่ออยู่ ซึ่ง
ท่านอีซาได้กำเนิดมาโดยไม่มีพ่อ (มาจากพระเจ้าโดยตรง คือทางพระวาทะ)
ท่านอีซาไม่เคยกระทำผิด (เป็นผู้บริสุทธิ์) ท่านอีซาทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ
ท่านอีซาได้ขึ้นไปสวรรค์โดยตรง
และในวันสิ้นยุคพระองค์จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง มุสลิมยังถือว่า
ท่านอีซาเป็นแค่นบีคนหนึ่ง แต่อัลกุรอานยังเป็นพยานว่า
ท่านอีซาเป็นผู้ที่พิเศษในหลายเรื่อง
และท่านเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดที่สุดกับพระเจ้า
|