Audio/อัน-ซาบูร
 
 
 
 
 
 

2. อัลเลาะห์ทรงเป็นใคร?

3 ประการหลักที่เป็นอุปสรรคต่อพี่น้องมุสลิมที่เชื่อในท่านอีซา(การที่ท่านอีซาเป็นบุตรของพระเจ้า; ไม้กางเขน; พระคัมภีร์) ที่เราคุยกันแล้วนั้น เป็นอุปสรรค์ที่เรามองเห็นได้ แล้วปัญหาเช่นนั้นเป็นปัญหาที่เราแก้ไขได้ แต่เรายังมีปัญหาหลายข้อที่ซับซ้อนกว่านี้ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงอัลลอฮฺ ในอิสลามอัลลอฮฺทรงเป็นเอกะ ผู้ที่สูงสุด จนมนุษย์เราเข้าใจไม่ได้ อัลลอฮฺทรงอยู่ห่างไกลจากมนุษย์ ตามความสามารถของเรา เราเข้าใจอัลลอฮฺไม่ได้ อัลลอฮฺไม่มีการเริ่มต้นและไม่มีการสิ้นสุดไม่มีอะไรที่เปรียบเทียบกับอัลลอฮฺได้ เมื่อคริสเตียนเรียกอีซา(พระเยซู)บุตรของพระเจ้า มุสลิมคิดถึงทันทีว่า ความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับมนุษย์ นั้นเป็นสิ่งที่มุสลิมยอมรับไม่ได้ มันเป็นการหมิ่นประมาทพระเจ้า มุสลิมเชื่อ “เตาฮีด” อย่างเด็ดขาด ซึ่ง ไม่มีพระเจ้านอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น

ความศรัทธาในความเป็นเอกะของอัลลอฮฺควบคุมชีวิตมุสลิมในทุกประการ มุสลิมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพราะความศรัทธาในข้อนี้เอง จึงเป็นอุปสรรคสำหรับมุสลิมในการรู้จักท่านอีซาด้วย ตามคำสอนของศาสนาอิสลามนั้น มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้าแต่ถูกสร้างให้เป็นทาสของพระเจ้า การกราบในการละหมาดคือเป็นสัญลักษณ์ที่เขาเป็นทาสต่อพระเจ้า คำว่าอิสลาม หมายถึงว่า การยอมจำนน การเชื่อฟังต่อพระเจ้า และการถวายตัวเพื่อพระเจ้า สำหรับมุสลิม การอธิษฐาน คือไม่ใช่การสนทนากับพระเจ้า แต่เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง พิธีประกอบในการทำละหมาดการแสดงการยอมจำนนต่อพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าทำละหมาดทุกวัน ๆ เขายังรู้สึกว่า พระเจ้าทรงอยู่ห่างไกล การสนิทสนมกับพระเจ้าเหมือนอย่างที่ลูกสนิทกับพ่อแม่นั้นสิ่งที่มุสลิมเข้าใจไม่ได้ อันนั้นเป็นปัญหากับมุสลิมที่รับเชื่อท่านอีซาแล้ว มุสลิมที่รับเชื่อท่านอีซา(พระเยซู)ไม่คาดหวังว่า พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด มุสลิมที่รับเชื่อหลายคนยังรู้สึกว่า พระเจ้าอยู่ห่างไกล จุดนี้เป็นจุดที่คริสเตียนเข้าใจยาก

อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดและมีฤทธิ์อำนาจที่สามารถตัดสินอนาคตของ มนุษย์ทุกคน โชค อุบัติเหตุ ความตาย สิ่งร้ายหรือสิ่งดีทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้น ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระเจ้า ความเชื่อในด้านพรหมลิขิตก็มีอิทธิพลมากต่อชีวิตของมุสลิม ชีวิตของมุสลิมก็เต็มไปด้วยข้อปฏิบัติที่ต้องกระทำและหน้าที่ มันสำคัญเพราะว่า มุสลิมคิดว่า อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ตัดสินหรือผู้พิพากษาตามที่เขาปฏิบัติมา สำหรับมุสลิมความสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่สำคัญแต่การปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เขาเชื่อว่า พระเจ้าทรงยอมรับเขา เมื่อเขารักษาข้อปฏิบัติทุกประการอย่างสมบูรณ์ ชีวิตมุสลิมก็เหนื่อยเพราะเขาต้องทำตามข้อบังคับตลอด เขาต้องอยู่ในความกลัวเมื่อเขาไม่ได้รักษาข้อเหล่านี้ ตามความศรัทธาของมุสลิมสิ่งที่มนุษย์ตัดสินใจได้ก็น้อยมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาก็ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น

ความเข้าใจอย่างนั้นมีอิทธิพลต่อท่าทีของมุสลิมต่อความผิดบาปด้วย มุสลิมถือว่าความบาปไม่เกี่ยวข้องกับการแยกออกจากพระเจ้า เขายอมรับว่า มนุษย์อยู่ห่าง ไกลจากพระเจ้าอยู่แล้ว ความบาปคือสิ่งที่มาจากการตัดสินใจผิด มนุษย์ตัดสินใจผิดเพราะอัลลอฮฺได้สร้างมนุษย์ที่เป็นคนอ่อนแอและก็มีจุดอ่อนที่มักจะถูกทดสอบอย่างง่าย  มนุษย์ตกเป็นคนบาปเพราะอัลลอฮฺได้สร้างมนุษย์อย่างนั้น มนุษย์ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ที่เขาได้กระทำมา ถ้าเขาทำผิดบาปมากกว่าทำดี เขาจะตกนรก ถ้าทำหน้าที่ทางศาสนาไม่สมบูรณ์ จะเข้าสู่สวรรค์ไม่ได้ เพราะฉะนั้น มุสลิมส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจในการเข้าสู่สวรรค์ ถึงแม้ว่า เขาทำหน้าที่ทางศาสนา ความกลัวที่จะไปนรกยังอยู่กับเขาตลอด

นอกจากมนุษย์เป็นคนอ่อนแอตั้งแต่เกิด ยังมีอีกข้อหนึ่งที่ควบคุมชีวิตมุสลิม คือแผนการของอัลลอฮฺต่อชีวิตของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เกิดตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺ การตัดสิน คือใครจะไปสวรรค์หรือจะไปนรกนั้นขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่า มนุษย์จะทำหน้าที่ทางศาสนาอย่างเต็มที่ เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเราจะไปสวรรค์ ในการไปสวรรค์หรือนรก มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นจะตัดสินทุกประการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์เหมือนอย่างเผด็จการ มุสลิมมักจะคิดว่า ตัวเองเป็นทาสของอัลลอฮฺ ไม่ใช่เป็นบุตรหรือเป็นเพื่อน หน้าที่ของเขา คือ ยอมจำนนและเกรงกลัวอัลลอฮฺเท่านั้น พระเจ้าจะตัดสินอย่างไรมุสลิมก็ต้องยอมรับ ไม่มีมุสลิมที่มั่นใจว่าเขาจะไปสวรรค์อย่างแน่นอน มันไม่เกี่ยวข้องกับที่ว่าเขาได้ทำหน้าที่ทางศาสนาอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ความกลัวในนรกอยู่กับมุสลิมตลอด เขาคิดว่า เขาเป็นทาส ซึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินอนาคตตัวเอง

เหตุฉะนั้น ในระบบศาสนาอิสลามไม้กางเขนไม่จำเป็น ไม่ต้องการผู้ช่วยให้รอด อัลลอฮฺไม่ต้องการเครื่องสัตวาบูชา อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นจะตัดสินใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ถ้าอัลลอฮฺทรงปรารถนาจะยกโทษใคร พระองค์ก็ทำได้ทันทีตามพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงตัดสินว่า ใครจะไปนรกก็ต้องเป็นอย่างนั้น มุสลิมก็เข้าใจไม่ได้ว่า อัลลอฮฺทรงรักเราด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข หรือการไถ่บาปโดยพระคุณของพระเจ้า หรือคนใดเชื่อพระคุณนี้ เขาจะเข้าไปสวรรค์อย่างแน่นอน

ความเข้าใจอัลลอฮฺอย่างนั้น มีอิทธิพลต่อชีวิตและวัฒนาธรรมของมุสลิมในทุกส่วน ในครอบครัว พ่อมีอำนาจเหมือนอัลลอฮฺ เขาตัดสินทุกอย่างตามที่เขาชอบ ครูมีอำนาจเหนือนักเรียน เขาไม่อนุญาตให้นักเรียนถามเรื่องความศรัทธา ผู้ว่าจ้างปกติสั่งผู้ถูกว่าจ้างเหมือนทาส กษัตริย์หรือ กาหลิป (Caliph) และสุลม่าน (Sultan)ใช้อำนาจโดยไม่มีขอบเขต

สำหรับคนอ่อนแอ ไม่สบายหรือยากจน มุสลิมถือว่า มันมาจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺได้ตัดสินให้เขาเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับคนมีอำนาจ เก่งหรือรวยนั้น มุสลิมถือว่า การอวยพรทั้งสิ้นมาจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น มุสลิมคงเข้าใจไม่ได้ว่า ทำไมพระเยซู(ท่านอีซา)ได้ยอมรับสภาพเป็นมนุษย์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา แต่สำหรับคริสเตียน มันเป็นข่าวดี อาจารย์เปาโลก็บอกในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า (2 คร.12.9)

ความเชื่อ อีกข้อหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับคริสเตียน คือ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาและพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อช่วยมนุษย์ไม่ให้ตกในนรก เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์(ยอห์น 3.16) คำสอนนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่มุสลิมเข้าใจไม่ได้ เขารู้สึกสบายใจที่พระเจ้าทรงอยู่ไกลจนมนุษย์เข้าใจไม่ได้ เขาชินกับพระเจ้าที่เป็นเผด็จการ จะยำเกรงและกลัวอัลลอฮฺก็รู้สึกปกติสำหรับมุสลิม ประเด็นที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขาอย่างใกล้ชิด หรือพระเจ้าทรงเป็นห่วงใยจนพระองค์ทรงยอมรับสภาพเป็นมนุษย์ สำหรับมุสลิมคงเป็นประเด็นที่แปลกมาก มุสลิมเชื่อว่า แม้แต่ในสวรรค์อัลลอฮฺไม่ใช่อยู่ใกล้กับมนุษย์ อัลลอฮฺทรงอยู่ไกลจากเรา พระองค์อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ แต่พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า พระเจ้าทรงยอมรับสภาพเป็นมนุษย์ คือเป็นท่านอีซา (พระเยซูคริสต์) แต่ว่าสำหรับพี่น้องมุสลิมความเชื่อในเรื่องนี้ก็ไม่ง่าย เพราะฉะนั้น การที่จะประกาศข้อนี้คริสเตียนเราต้องแสดงความรักต่อกันและต้องอธิษฐานเผื่อพี่น้องมุสลิม นอกจากนั้น มุสลิมไม่สามารถเข้าใจความรักของพระเจ้า (อัลลอฮฺ)ได้ 

Answering Islam Thailand, 1999 - 2006. All rights reserved.