ข้าพเจ้าเกิดในครอบครัวมุสลิม ่อกับแม่ของข้าพเจ้าเป็นคนเคร่งศาสนา
โดยเฉพาะคุณแม่ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพ่อและคุณแม่สั่งให้ทำเพื่ออัลลอฮ
ถึงกระนั้นหัวใจของ
ข้าพเจ้าก็ยังว่างเปล่า
ข้าพเจ้าต้องการสิ่งที่สามารถเติมเต็มหัวใจ ของข้าพเจ้าจน
ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้พบกับอัลลอฮ ที่เต็มไปด้วยความรัก และโดย
พระองค์หัวใจ ของข้าพเจ้าก็เต็มอิ่มและมีความชื่นบานในวัยเด็ก
ข้าพเจ้าได้รับ การอบรมสั่งสอนทางด้านศาสนาจากครอบครัว
เมื่อเข้าเรียนชั้นประถม ในตอนเย็นข้าพเจ้าก็เรียนศาสนา (ตาดีกา) ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงสองทุ่มครึ่ง
เมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นก็เข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ) ซึ่งในตอนเช้าก็จะเรียนศาสนาและตอนบ่ายก็จะเรียนสามัญ
(มัธยมต้น) ข้าพเจ้า
มีความรู้ทางด้านศาสนาเพิ่มพูนมากขึ้น
แต่ในความรู้ทั้งหมดนั้น
ข้าพเจ้ากลับ มีคำถามมากมายเกี่ยวกับอัลลอฮ
ข้าพเจ้าพยายามที่จะทำทุกอย่างให้เป็น ที่พอพระทัยอัลลอฮ
แต่ข้าพเจ้ากลับมีความรู้สึกว่างเปล่า
ข้าพเจ้าต้องการ บางสิ่งบางอย่างเข้ามาเติมเต็มในชีวิต
มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อข้าพเจ้าอายุประมาณ17 ปี
หลังจากทำการละหมาดแล้ว
ข้าพเจาก็ร้องไห้ออกมาและทูลถามอัลลอฮว่า
ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าได้รู้จักอัลลอฮที่อท้จริงด้วย
อัลลอฮที่สามารถเติมเต็มชีวิต ของข้าพเจ้าได้
แล้วข้าพเจ้าก็เปิดวิทยุ
บังเอิญว่าเมื่อเปิดขึ้นมาก็เจอคลื่นของ คริสเตียน
ดีเจได้กล่าวว่า
“พระเยซู (นบีอีซา) ตรัสว่า
‘บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก
จงมาหาเรา
เราจะทำให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อย
เป็นสุข’”
ในใจก็คิดว่า
ทำใมนบีอีซาถึงสามารถทำให้เราหายเนื่อยเป็นสุขได้ล่ะ? ข้าพเจ้าจึงอธิษฐาน(ขอดูอา)ว่า
“นบีอีซาถ้าท่านทรงเป็นพระเจ้าดั่งที่คริสเตียนว่า
ขอท่านทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักท่านด้วยเถิด”
เมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยปีที่หนึ่งก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมในงานเลี้ยง
ของคริสเตียนเพราะว่าเพื่อนของข้าพเจ้าอยากไปมาก
ในงานนั้น
มีการแสดงเกี่ยวกับนบีอีซาและมีอยู่ประโยคหนึ่งที่สะกิดใจข้าพเจ้ามากๆ
นั่นก็คือ
“พระเยซูทรงรักมนุษย์ทุกคน”
ตอนนั้นก็เกิดคำถามขึ้นในใจอีกว่า
นบีอีซาเป็นใครกันแน่
ถึงได้รักเรา ? ท่านรักข้าพเจ้าจริงๆหรือ ? แล้วข้าพเจ้าก็อธิษฐานถามท่านว่า
“โอ นบีอีซา
ถ้าท่านเป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้และ ถ้าท่านรักข้าพเจ้าจริงๆ
ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้จักท่านด้วยเถิด”
หลังจากนั้นสองวัน ในตอนกลางคืน
ข้าพเจ้าก็ฝันว่า
มีแสงสว่างสวยงามลอยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
ข้าพเจ้าอยากจะเดินเข้าไปสัมผัสกับแสงนั้นแต่เท้าของข้าพเจ้าติดอยู่กับ
ประตูบ้านและคุณแม่พูดกับ
ข้าพเจ้าว่า
“อย่าไปทางนั้น”
ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถสัมผัสมันได้ เมื่อข้าพเจ้า
ตื่นขึ้นมาก็พบว่าหัวใจเต้นแรงและเหงื่อก็ออกท่วมตัว
สิ่งที่ข้าพเจ้าฝันนั้น เหมือนจริงมาก
ตอนเช้าข้าพเจ้าจึงถามพี่ที่รู้จักที่เป็นคริสเตียนว่า
ทำไมข้าพเจ้า ถึงมีความฝันเช่นนี้
เขาบอกให้ข้าพเจ้าอ่านคัมภีร์อินญีลในเรื่องของนบีอีซา
ในยอห์น
แล้วข้าพเจ้าจะได้รับคำตอบ เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านแล้ว ข้าพเจ้าก็ได
้พบกับคำตอบที่ต้องการในยอห์น 9:5 ได้กล่าวไว้ว่า
“ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก
เราเป็นความสว่างของโลก”
ซึ่งเป็นคำพูดของนบีอีซา
สิ่งนี้หมายความว่า
นบีอีซาได้บอกแก่ข้าพเจ้าทางความฝันว่าท่านเป็นแสงสว่าง ของโลก
หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เริ่มอ่านคัมภีร์อินญีล
ข้าพเจ้าจึงได้รู้จักนบีอีซามากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นอัลลอฮได้ทรงประทานความฝันแก่ข้าพเจ้าซึ่งเป็นความฝันที่ได้เกิดขึ้น
จริงในไม่กี่วันข้างหน้า
ตัวอย่างเช่น
ข้าพเจ้าฝันถึงครอบครัวมิชชันนาร
ีครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นครอบครัวที่ข้าพเจ้าสอน ภาษาไทยให้แก่คู่สามีภรรยา
ในฝันนั้นพวกเขาได้อยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งซึ่งแห้งแล้งมาก
พวกเขาดูหมดแรง
และในทันใดนั้นลูกคนเล็กก็พลัดตกเหว
ทุกคนต่างก็ร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้นมา
ข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่อครอบครัวนี้ที่อัลลอฮจะ ทรงปกป้องดูแลพวกเขา
สองวันต่อมาข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่าพวกเขาป่วย
เข้าโรงพยาบาลทุกคนและลูกคนเล็กก็ป่วยหนักมากที่สุด
ขอบคุณอัลลอฮ ที่ในที่สุดพวกเขาก็หายจากอาการป่วยจากความฝันนั้นทำให
้ข้าพเจ้าทราบว่า
อัลลอฮทรงต้องการให้ข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่อครอบครัวนี้ให้ปลอดภัย
การอธิษฐานก็คือการพูดคุยหรือขอกับอัลลอฮอย่างธรรมดาเหมือนกับที่เราพูดคุยกับ
บิดามารดาเป็นภาษาไหนก็ได้
ซึ่งพระองค์ต้องการให้เราอธิษฐานจากใจจริงของเรา การอธิษฐานนั้นมีพลัง
ทำให้เกิดผล
อัลลอฮทรงประทานความฝันแก่ข้าพเจ้า ในลักษณะนี้อย่างสม่ำเสมอหลังจากที่
ข้าพเจ้าได้ยอมรับว่านบีอีซาเป็นผู้ที
่ตายขนไม้กางเขนเพื่อชำระความบาปของมนุษย์และในวันที่สามท่านได้ฟื้นจาก
ความตายซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่า ท่านไม่ไช่มนุษย์แต่ทรงเป็นพระเจ้า
ท่านเป็นกาลีมาตุลลอฮหรือคำพูดของอัลลอฮ
และคำพูดของอัลลอฮกับอัลลอฮ จึงต้องอันหนึ่งอันเดียวกัน
ดังนั้นอัลลอฮกับนบีอีซาจึงเป็นอัยหยึ่งอันเดียวกัน
นั่นก็คือนบีอีซาทรงเป็นพระเจ้า
อัลลอฮทรงต้องการสำแดงความรักและ พระลักษณะของพระองค์ให้มนุษย์ได้รับรู้
พระองค์จึงให้นบีอีซาเกิดมา
เป็นมนุษย์เพื่อสำแดงถึงความรักที่อัลลอฮทรงมีต่อมนุษย์
มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป
แต่ผู้ใดที่เชื่อในนบีอีซาก็จะรอดพ้นจากความบาป
ข้าพเจ้าจึงมั่นใจว่า เมื่อถึงวันแห่งการพิพากษา
ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในสวรรค์
และผู้ที่เชื่อในนบีอีซาทุกคน
มีสันติสุขในชีวิตเพราะพวกเขาทราบว่าอัลลอฮทรงรักเขา และอยู่ใกล้เขา
และเราก็ต้องการมอบความสุขนี้แก่ผู้ที่ยังไม่รู้จักนบีอีซาสองปีผ่านมา
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจบอกครอบครัวของข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าเลือกที่จะดำเนินชีวิตตามนบีอีซา
เมื่อข้าพเจ้าบอกดังนั้นแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่พอใจและต้องการให้ข้าพเจ้ากลับมา
อยู่ในทางของอิสลาม เมื่อกลับไปที่บ้าน
ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถอ่านคัมภีร์อินญีล ไม่สามารถอธิษฐาน
ไม่สามารถนมัสการ(การสรรเสริญอัลลอฮด้วยการร้องเพลง ถวาย) ได้เลย
แต่ข้าพเจ้าจะต้องละหมาด
และดำเนินชีวิตทุกอย่างแบบมุสลิม
ข้าพเจ้าไม่มีอิสระที่จะพูดเรื่องนบีอีซาแก่ผู้ใดเลย
ข้าพเจ้ารักครอบครัวของ ข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าเกิดการขัดแย้งขึ้นในใจ
เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าเลือกนบีอีซา ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้
ขอบคุณอัลลอฮที่ในที่สุด
พระองค์ก็ได้ประทานสติปัญญาในการตัดสินใจ
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าคิดได้ว่า
สักวันหนึ่งครอบครัวของข้าพเจ้าก็จะสามารถรู้จักนบีอีซาได้โดยข้าพเจ้า
ขอบคุณอัลลอฮที่พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักนบีอีซา
พระองค์ทรง เติมเต็มหัวใจของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นพระบิดาที่เต็มไปด้วยความรัก
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ความเข้มแข็งและความกล้าหาญที่
ข้าพเจ้ามีนั้นก็มาจากพระองค์
ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระองค์จะทรงนำชีวิตของข้าพเจ้า
ต่อไปและผู้ที่อยู่ในทางของพระองค์ก็จะรอดพ้นจากความบาปและมีสันติสุขอย่าง
ที่ข้าพเจ้าเป็น
ขอบคุณอัลลอฮ
|